The Civilizations of
China
Geography and Early
China
China’s
Physical Geography
Geography
played a major role in the development of Chinese civilization. China has many different geographical features.
Some features separated groups of people within China. Others separated China from the rest of the world.
A Vast and Varied
Land
China covers an area
of nearly 4 million square miles, about the same size as
the United States. One of the physical barriers that separates China from its neighbors is a harsh desert, the
Gobi. It spreads over much of China’s
north. East of the Gobi are low-lying plains. These plains, which cover
most of eastern China, form one of the world’s largest farming regions. The Pacific
Ocean forms the country’s eastern boundary.
|
อารยธรรมจีน
ภูมิศาสตร์และจีนยุคแรก
ภูมิศาสตร์ทางกายภาพของจีน
ภูมิศาสตร์มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอารยธรรมจีน
จีนมีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกันมากมาย ภูมิประเทศบางแห่งแยกกลุ่มชนภายในจีนออกจากกัน
ภูมิประเทศอื่น ๆ แจกจีนออกจากส่วนอื่น ๆ ของโลก
แผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลและแตกต่างกัน
จีนมีเนื้อที่ประมาณเกือบ
4 ล้านตารางไมล์ มีขนาดประมาณเท่ากับสหรัฐ แนวกั้นเขตแดนทางกายภาพแห่งหนึ่งที่แยกจีนออกจากประเทศใกล้เคียงคือทะเลทรายโกบีอันแสนทุรกันดาร
ซึ่งแผ่ขยายกินเนื้อที่จีนตอนเหนือเป็นส่วนมาก ด้านทิศตะวันออกของทะเลทรายโกบีก็เป็นมาบ (พื้นที่ลุ่มกว้างใหญ่ซึ่งมีทางน้ำไหลอยู่ภายใต้
ใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกไม่ได้) ที่ราบเหล่านี้ซึ่งกินเนื้อที่ด้านทิศตะวันออกของจีนเป็นส่วนใหญ่เป็นภูมิภาคสำหรับทำเกษตรกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง
มหาสมุทรแปซิฟิกเป็นเขตแดนด้านทิศตะวันออกของประเทศ
|
More than 2,000 miles
to the west, rugged mountains make up the western
frontier. In the southwest the Plateau of Tibet has several mountain peaks that reach more than 26,000 feet. From the plateau, smaller mountain ranges spread eastward. The most important of these ranges is
the Qinling Shandi. It separates northern China from
southern China.
Weather and temperature patterns
vary widely across China. In the northeast,
the climate is cold and dry. Winter
temperatures drop well below 0°F. Rivers
there are frozen for more than half of the year. In the northwest, the deserts are very
dry. But on the eastern plains of
China, heavy rains fall. The
tropical southeast is the wettest region.
Monsoons can bring 250 inches of rain each year. That’s enough water to cover
a two-story house!
The Rivers of China
Two great rivers flow
from west to east in China. The
Huang He, or Yellow River, stretches for nearly 3,000
miles across northern China. The
river often floods, and the floods leave behind layers
of silt on the surrounding countryside. Because these floods can be very destructive, the river
is sometimes called China’s Sorrow. Over
the years, millions of people have died in Huang He
floods.
To the south, the
Chang Jiang, or Yangzi River, cuts through central China. It flows from the mountains of Tibet to
the Pacific Ocean. The Chang Jiang
is the longest river in Asia.
In early China, the
two rivers helped link people in the eastern part of the
country with those in the west. At
the same time, the mountains between the rivers limited contact.
|
ทางทิศตะวันตกมีเทือกเขาผิวขรุขระมากกว่า
2,000 ไมล์ เป็นเขตแดนด้านทิศตะวันตก ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นที่ราบสูงทิเบตมียอดเขาสูงถึง
26,000 ฟุตมากมายหลายยอด ถัดจากที่ราบสูบนั้นไปมีเทือกเขาเล็ก ๆ
ทอดไปทางทิศตะวันออก ในบรรดาเทือกเขาเหล่านี้ที่สำคัญที่สุดคือเทือกเขา ฉินหลิง
ฉานดี แบ่งแยกจีนตอนเหนือออกจากจีนตอนใต้
สภาพอากาศและอุณหภูมิมีความเปลี่ยนแปลงแปรปรวนพาดผ่านไปทั่วจีน
ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีสภาพอากาศหนาวเย็นและแห้งแล้ง อุณหภูมิในฤดูหนาวลดลงต่ำกว่า
0 องศาฟาเรนไฮต์ แม่น้ำในที่นั่นก็หนาวเย็นเป็นเวลามากกว่าครึ่งปี ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ทะเลทรายแห้งแล้งมาก แต่ที่ราบด้านทิศตะวันออกของจีน มีฝนตกหนัก ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นเขตร้อนเป็นภูมิภาคที่มีความเปียกชื้นที่สุด
มรสุมพาฝนมาตก 250 นิ้วในแต่ละปี น้ำขนาดนั้นก็เพียงพอที่จะท่วมบ้านสองชั้นได้
แม่น้ำของจีน
มีแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่ในประเทศจีน
จำนวน 2 สาย ไหลจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก สายหนึ่งคือแม่น้ำฮวงเหอหรือแม่น้ำเหลือง
ทอดยาวเกือบ 3,000 ไมล์ไหลข้ามผ่านตอนเหนือของจีน แม่น้ำจะไหลท่วมเป็นประจำและกระแสน้ำที่ไหลท่วมจะทิ้งชั้นดินตะกอนไว้เบื้องหลัง
ณ บริเวณที่เป็นชนบทรอบนอก เนื่องจากกระแสน้ำท่วมสามารถทำลายได้มาก
บางครั้งจึงเรียกแม่น้ำสายนี้ว่า แม่น้ำวิปโยคของจีน เป็นเวลามากกว่าหลายปีที่ประชาชนเสียชีวิตในกระแสแม่น้ำฮวงเหอ
อีกสายหนึ่งคือแม่น้ำฉางเจียงหรือแม่น้ำแยงซีไหลตัดผ่านตอนกลางของจีนไปยังทิศใต้
แม่น้ำสายนี้ไหลจากเทือกเขาในประเทศทิเบตไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก แม่น้ำฉางเจียงเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในเอเชีย
ในยุคแรกของจีน แม่น้ำสองสายนี้ช่วยเชื่อมสัมพันธ์ประชาชนจากด้านตะวันออกกับด้านตะวันตกของประเทศ
ในเวลาเดียวกันนั้น เทือกเขาระหว่างแม่น้ำสองสายก็จำกัดการติดต่อสัมพันธ์กัน
|
1. In northern China, the Huang He, or Yellow River,
has long been the center of civilization. The silt in the
river gives it a yellow look.
1. ในจีนตอนเหนือ แม่น้ำฮวงเหอหรือแม่น้ำเหลือง
เป็นศูนย์กลางอารยธรรมมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน
|
2. Southern China
receives more rain than northern China, and farmers can
grow several crops of rice a year.
2. ด้านทิศใต้ของจีนมีฝนตกมากกว่าจีนตอนเหนือ
และเกษตรกรก็สามารถปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารประเภทข้าวได้เป็นจำนวนมากต่อปี
|
3. Western China’s high mountains and wide deserts make
travel difficult and isolate China’s
population centers in the east.
3. ด้านทิศตะวันตก
จีนมีภูเขาสองและทะเลทรายกว้างขวางทำให้สัญจรไปมาลำบากและแยกตัวออกจากศูนย์กลางประชาชนในด้านทิศตะวันออก
|
Civilization Begins
Like other ancient
peoples that you have studied, people in China first
settled along rivers. There they
farmed, built villages, and formed a civilization.
The Development of Farming
Farming in China
started along the Huang He and Chang Jiang.
The rivers’ floods deposited
fertile silt. These silt deposits made
the land ideal for growing crops.
As early as 7000 BC
farmers grew rice in the middle Chang Jiang Valley. North, along the Huang He, the land was
better for growing cereals such as millet and wheat.
Along with farming,
the early Chinese people increased their diets in other
ways. They fished and hunted with bows and
arrows. They also domesticated animals such as pigs and sheep. With more
sources of food, the population grew.
Archaeologists have
found remains of early Chinese villages. One
village site near the Huang He had more than 40 houses. Many of the houses were partly
underground and may have had straw-covered
roofs. The site also included
animal pens, storage pits, and a cemetery.
Some of the villages
along the Huang He grew into large towns. Walls
surrounded these towns to defend them against floods and hostile neighbors. In towns like these, the Chinese left many artifacts, such
as arrowheads, fishhooks, tools, and pottery. Some village sites even contained pieces
of cloth.
Separate cultures
developed in southern and northeastern China. These included the Sanxingdui and Hongshan peoples. Little is known about them, however. As the major cultures
along the Huang He and Chang Jiang grew, they absorbed other cultures.
Over time, Chinese
culture became more advanced. After
3000 BC people used potter’s wheels
to make more types of pottery. These people also learned
to dig water wells. As populations
grew, villages spread out over larger areas in both
northern and southeastern China.
Burial sites have
provided information about the culture of this period. Like the Egyptians, the early Chinese
filled their tombs with objects. Some
tombs included containers of food, suggesting a belief
in an afterlife. Some graves
contained many more items than others. These
differences show that a social order had developed. Often the graves of rich people held beautiful
jewelry and other objects made from jade,
a hard tone.
|
เริ่มต้นอารยธรรม
ผู้คนในประเทศจีนได้ตั้งหลักแหล่งครั้งแรกตามลำแม่น้ำ
คล้ายกับผู้คนในสมัยโบราณอื่น ๆ ที่คุณได้ศึกษามา มีการทำเกษตรกรรม
การสร้างหมู่บ้าน และก่อรูปร่างเป็นอารยธรรมขึ้นมา
วิวัฒนาการของเกษตรกรรม
การทำเกษตรกรรมในจีนเริ่มขึ้นตามลำแม่น้ำฮวงเหอและแม่น้ำฉางเจียง
กระแสน้ำของแม่น้ำได้ทิ้งดินตะกอนอันอุดมสมบูรณ์ไว้ ดินตะกอนที่สะสมเหล่านี้ทำให้พื้นดินมีความอุดมสมบูรณ์สำหรับการเพาะปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร
เกษตรได้ปลูกข้าวในตอนกลางลุ่มแม่น้ำฉางเจียงมาตั้งแต่ต้นยุค
7000 ปีก่อนคริสตกาล ทางตอนเหนือ ตามลำแม่น้ำฮวงเหอ พื้นดินเหมาะสำหรับปลูกธัญพืช
เช่น ข้าวฟ่างและขาวสาลีมากกว่า
ชาวจีนในยุคแรกได้เพิ่มพูนอาหารของตนเองในแนวทางอื่น
ๆ ร่วมกับการทำเกษตรกรรม มีการตกปลาและการล่าสัตว์ด้วยธนูและลูกศร และยังนำสัตว์
เช่น หมูและแกะมาเลี้ยงด้วย เมื่อมีแหล่งอาหารมากขึ้น ประชากรจึงเจริญขึ้น
นักโบราณคดีค้นพบซากปรักหักพังของหมู่บ้านชาวจีนในยุคแรก
แหล่งค้นพบหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ใกล้แม่น้ำฮวงเหอมีมากกว่า 40 หลังคาเรือน บ้านเรือนจำนวนมากเหล่านั้นบางส่วนอยู่ใต้พื้นดินและอาจจะมีหลังคามุงด้วยฟางข้าว
แหล่งโบราณคดีนั้นยังมีคอกสัตว์ หลุมสำหรับเก็บสิ่งของ และสุสานด้วย
บางหมู่บ้านตามลำแม่น้ำฮวงเหอเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่
มีกำแพงล้อมรอบเมืองเหล่านี้เพื่อป้องกันกระแสน้ำและดินแดนข้างเคียงที่เป็นปรปักษ์
ในเมืองเหล่านี้ ชาวจีนได้ทิ้งศิลปหัตถกรรมไว้จำนวนมาก เช่น หัวลูกศร เบ็ดตกปลา
เครื่องมือ และเครื่องปั้นดินเผา
แหล่งโบราณคดีที่เป็นหมู่บ้านบางแหล่งยังมีชิ้นส่วนของเครื่องนุ่งห่มด้วย
วัฒนธรรมที่แตกต่างกันได้วิวัฒนาการขึ้นในจีนภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วัฒนธรรมเหล่านี้ประกอบไปด้วยชาวซานซิงตุยและหงซาน แต่ทราบข้อมูลของวัฒนธรรมเหล่าเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญมากตามลำแม่น้ำฮวงเหอและแม่น้ำฉางเจียง จึงซึมซับวัฒนธรรมอื่น ๆ
เมื่อเวลาผ่านไป
วัฒนธรรมจีนจึงมีความก้าวหน้ามากขึ้น หลังจาก 3000 ปีก่อนคริสตกาล ผู้คนได้ใช้วงล้อเครื่องปั้นดินเผาเพื่อทำสินค้าประเภทเครื่องปั้นดินเผามากขึ้น
และยังได้เรียนรู้ในการขุดบ่อน้ำด้วย เนื่องจากประชากรเจริญเติบโต
หมู่บ้านจึงกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณมากขึ้นทั้งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน
แหล่งที่เป็นสุสานจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมของยุคนี้ด้วย
ชาวจีนยุคแรกคล้ายกับชาวอียิปต์มีการเอาวัตถุต่าง ๆ ไปใส่ไว้เต็มสุสาน บางสุสานมีภาชนะบรรจุอาหาร
บอกเป็นนัยให้ทราบถึงความเชื่อเรื่องชีวิตหลังจากตาย สุสานบางแห่งมีวัตถุสิ่งของมากมายกว่าสิ่งอื่น
ๆ ความแตกต่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามีวิวัฒนาการด้านระเบียบทางสังคม ปกติสุสานของคนรวยจะบรรจุเครื่องประดับเพชรพลอยอันสวยงามและวัตถุอื่น
ๆ ที่ทำจากหยก ซึ่งเป็นรัตนชาติที่มีความแข็ง
|
This
bronze Shang container is shaped like
a tigress.
ภาชนะทองสัมฤทธิ์สมัยราชวงศ์ซางนี้มีรูปร่างคล้ายเสือตัวเมีย
|
China’s
First Dynasties
Societies along the
Huang He grew and became more complex. They
eventually formed the first Chinese civilization.
The Xia Dynasty
According to ancient stories,
a series of kings ruled early China. Around
2200 BC one of them, Yu the Great, is said to have founded the Xia dynasty.
Writers told of
terrible floods during Yu’s
lifetime. According to these accounts, Yu
dug channels to drain the water to the ocean. This labor took him more than 10 years
and is said to have created the major waterways of north
China.
Archaeologists have
not yet found evidence that the tales about the Xia are
true. However, the stories of Xia rulers were important to the ancient Chinese because they
told of kings who helped people solve problems by
working together. The stories also
explained the geography that had such an impact on
people’s lives.
The Shang Dynasty
The first dynasty for
which we have clear evidence is the Shang, which was
firmly established by the 1500s BC. Strongest
in the Huang He Valley, the Shang ruled a broad
area of northern China. Shang rulers moved
their capital several times, probably to avoid floods or
attack by enemies.
The king was at the
center of Shang political and religious life. Nobles served the king as advisors and
helped him rule. Less important officials were also
nobles. They performed specific governmental and religious duties.
The social order became more
organized under the Shang. The
royal family and the nobles were at the highest level. Nobles owned much land, and they passed on
their wealth and power to their sons. Warrior leaders
from the far regions of the empire also had high rank in
society. Most people in the Shang
ruling classes lived in large homes in cities.
Artisans settled outside the city
walls. They lived in groups based on what they made for a living. Some artisans made weapons. Other artisans made pottery, tools, or clothing. Artisans were at a
middle level of importance in Shang society.
Farmers ranked below
artisans in the social order. Farmers
worked long hours but had little money. Taxes
claimed much of what they earned. Slaves,
who filled society’s lowest rank,
were an important source of labor during the Shang
period.
The Shang made many
advances, including China’s first
writing system. This system used more than 2,000 symbols to express words or ideas. Although the system has gone through changes over the years,
the Chinese symbols used today are based on those of the
Shang period.
Shang writing has
been found on thousands of cattle bones and turtle
shells. Priests had carved
questions about the future on bones or shells, which
were then heated, causing them to crack. The
priests believed they could “read” these cracks to predict the future. The bones were called oracle bones because
an oracle is a prediction.
|
ราชวงศ์แรกของจีน
สังคมตามลำแม่น้ำฮวงเหอเจริญรุ่งเรืองขึ้นและกลายเป็นสังคมที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น
ในที่สุด ก็ก่อรูปร่างเป็นอารยธรรมแห่งแรกของจีน
ราชวงศ์เซี่ย
ตามพงศาวดารโบราณ
มีกษัตริย์ปกครองจีนในยุคแรกสืบต่อกันเรื่อยมา ประมาณ 2200 ปีก่อนคริสตกาล
กล่าวกันว่า ในบรรดากษัตริย์เหล่านั้น กษัตริย์พระองค์หนึ่งนามว่า
อวี่ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์เซี่ย
นักเขียนได้เล่าไว้ว่าในช่วงชีวิตของอวี่มีกระแสน้ำรุนแรง
ตามประวัติที่เล่าไว้ อวี่ได้ขุดร่องระบายน้ำไปสู่มหาสมุทร พระองค์ทรงทำภาระหน้าที่นี้มากกว่า
10 ปีและกล่าวกันว่าพระองค์ทรงสร้างทางระบายน้ำที่สำคัญของจีนตอนเหนือ
นักโบราณคดียังค้นไม่พบหลักฐานว่าเรื่องราวเกี่ยวกับราชวงศ์เซี่ยเป็นเรื่องจริง
แม้กระนั้น เรื่องราวของกษัตริย์ราชวงศ์เซี่ยก็มีความสำคัญกับจีนสมัยโบราณ เนื่องจากได้เล่าเรื่องราวของกษัตริย์ผู้ช่วยเหลือประชาชนแก้ไขปัญหาด้วยการทำงานร่วมกับประประชาชน
เรื่องราวยังได้อธิบายถึงภูมิศาสตร์ที่มีผลกระทบต่อชีวิตประชาชนเช่นนั้นไว้ด้วย
ราชวงศ์ซาง
ราชวงศ์แรกที่มีหลักฐานปรากฏชัดเจน
คือ ราชวงศ์ซาง ซึ่งสถาปนาได้อย่างมั่นคงเมื่อประมาณศตวรรษที่ 1500 ก่อนคริสตกาล
ราชวงศ์ซางเข้มแข็งที่สุดในลุ่มแม่น้ำฮวงเหอปกครองพื้นที่อันกว้างขวางของจีนตอนเหนือ
กษัตริย์ราชวงศ์ซางได้ย้ายเมืองหลวงหลายครั้ง อาจจะเป็นการหลีกเลี่ยงกระแสน้ำหลากหรือถูกศัตรูโจมตี
กษัตริย์เป็นศูนย์กลางของการดำเนินชีวิตทางด้านการเมืองและด้านศาสนา
ขุนนางสนองราชการกษัตริย์โดยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและช่วยบริหารราชการแผ่นดิน ข้าราชการที่สำคัญส่วนน้อยยังเป็นขุนนาง
ทำหน้าที่รับผิดชอบด้านการปกครองและด้านศาสนา
มีการจัดระเบียบทางสังคมมากขึ้นภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซาง
ราชตระกูลและขุนนางอยู่ในระดับสูงสุด ขุนนางเป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมากและถ่ายทอดความมั่งคั่งและอำนาจไปสู่บุตรของตนเอง
ผู้นำทหารจากภูมิภาคห่างไกลแห่งจักรวรรดิก็ยังมีตำแหน่งที่สูงในสังคม
ผู้คนส่วนใหญ่ในชนชั้นปกครองแห่งราชวงศ์ซางจะอาศัยอยู่ในเหย้าเรือนอันใหญ่โตในเมืองใหญ่
ช่างฝีมือตั้งหลักแหล่งอยู่นอกกำแพงเมือง
อาศัยอยู่กันเป็นกลุ่มโดยพึ่งพาสิ่งที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อการดำรงชีวิต ช่างฝีมือบางพวกสร้างอาวุธ
บางพวกสร้างเครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือ หรือเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ช่างฝีมือมีความสำคัญในระดับกลางในสังคมซาง
เกษตรกรอยู่ในระดับต่ำกว่าช่างฝีมือในระเบียบทางสังคม
เกษตรกรทำงานหลายชั่วโมงแต่ได้เงินน้อย เงินภาษี (ของราชการ) อ้างกรรมสิทธิ์สิ่งที่กรรมกรหามาได้เป็นจำนวนมาก
ทาสอยู่ในระดับต่ำสุดของสังคม เป็นแหล่งแรงงานที่สำคัญในช่วงยุคราชวงศ์ซาง
ราชวงศ์ซางสร้างความก้าวหน้ามากมาย
รวมทั้งระบบการเขียนอันแรกของจีน ระบบนี้จะใช้สัญลักษณ์มากกว่า 2,000 สัญลักษณ์ เพื่ออธิบายคำหรือแนวความคิด
แม้ว่าระบบนั้นผ่านการเปลี่ยนแปลงมามากกว่าหลายปี ระบบของจีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็อาศัยระบบการเขียนของยุคราชวงศ์ซาง
การเขียนสมัยราชวงศ์ซางถูกค้นพบอยู่บนกระดูกของวัวควายและกระดองเต่าหลายพันชนิด
นักบวชจะสลักคำถามเกี่ยวกับอนาคตบนกระดูกหรือกระดอง
ซึ่งในขณะนั้นจะถูกทำให้เกิดความร้อนด้วยการถูดังแครก ๆ นักบวชเชื่อว่าตนเองสามารถอ่านเสียงดังแครก
ๆ ได้เพื่อทำนายอนาคต กระดูกนั้นเรียกว่า กระดูกเสี่ยงทาย เนื่องจากการพยากรณ์คือการทำนายให้ทราบล่วงหน้า
|
การเขียนของจีนเหมือนกับรูปแบบการเขียนอื่น ๆ ในยุคแรก
พัฒนามาจากภาพสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่มองดูคล้ายกับสิ่งที่ใช้แทน เมื่อเวลาผ่านไป
สัญลักษณ์ก็กลายเป็นสิ่งที่สลับซับซ้อนมากขึ้นและมองดูคล้ายกับของจริงน้อยลง ตัวอย่างมากมายของการเขียนของจีนยุคแรกที่สลักอยู่ในกระดูก
เช่น กระดองเต่านี้
In addition to
writing, the Shang also made other achievements. Artisans made beautiful bronze
containers for cooking and religious ceremonies. They also made axes, knives, and
ornaments from jade. The military developed
war chariots, powerful bows, and bronze body armor. Shang astrologers also made an
important contribution. They developed
a calendar based on the cycles of the moon.
|
นอกจากการเขียนแล้ว ราชวงศ์ซางยังได้สร้างความสำเร็จอื่น ๆ
ช่างฝีมือสร้างภาชนะทองสัมฤทธิ์สวยงามเพื่อปรุงอาหารและทำพิธีกรรมทางศาสนา และได้สร้างขวาน
มีด และเครื่องประดับจากหยกด้วย กองทัพได้พัฒนารถม้าออกศึก ธนูอันทรงประสิทธิภาพ
และเกราะป้องกันสรีระจากทองสัมฤทธิ์ นักโหราศาสตร์สมัยราชวงศ์ซางยังได้ทำการเกื้อหนุน
โดยการพัฒนาปฏิทินยึดการโคจรของดวงจันทร์เป็นหลัก (ปฏิทินทางจันทรคติ)
|