CELTS/ชาวเคลต์

CELTS
PROUD WARRIORS AND SKILLED METALWORKERS, the Celts were among Europe's oldest peoples. The first tribes lived in central European hillforts, but by 400 BC, they also dominated the British Isles, Spain, Italy, and France, and even pushed on into western Asia. Unique and decorative Celtic arts spread with their mythology and religion via trade routes, but the Celts showed no interest in building an empire, or even unifying all their territories. By 50 BC, the mighty Romans and Germanic peoples had squeezed the Celts into Europe's fringes, where they converted to Christianity. Today, Celtic culture and languages survive in Ireland, Scotland, Wales, and parts of France and England.

ชาวเคลต์
            ชาวเคลต์เป็นนักรบผู้มีความทะนงตนและเป็นช่างโลหะที่มีทักษะคือกลุ่มชนที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรป เป็นชนชาติแรกที่อาศัยอยู่ในป้อมเนินเขาตอนกลางของยุโรป แต่เมื่อประมาณ 400 ปีก่อนคริสตกาล ชาวเคลต์ก็มีอิทธิพลเหนือเกาะอังกฤษ สเปน อิตาลี และฝรั่งเศส ตลอดจนรุกล้ำเข้าไปเอเชียตะวันตก ศิลปะชาวเคลต์มีลักษณะเฉพาะและเป็นเครื่องประดับตกแต่งที่หรูหราแพร่กระจายไปกับเทพนิยายและศาสนาของพวกเขาผ่านเส้นทางการค้าขาย แต่ชาวเคลต์ไม่สนใจจะสร้างจักรวรรดิ หรือแม้แต่จะรวบรวมดินแดนให้เป็นเอกภาพ ประมาณ 50 ปีก่อนคริสตกาล ชาวโรมันผู้ทรงอิทธิพลและชาวเจอร์แมนิกก็บีบบังคับให้ชาวเคลต์ไปยังตะเข็บชายแดนยุโรป ซึ่งพวกเขาก็เปลี่ยนไปนับถือคริสต์ศาสนาในที่นั่น ปัจจุบัน วัฒนธรรมและภาษาเคลต์ยังคงหลงเหลืออยู่ในประเทศไอร์แลนด์ สกอตแลนด์ เวลส์ และบางส่วนของฝรั่งเศสและอังกฤษ


Celtic world c.200 BC
The first phase of Celtic society probably developed around Hallstat (now in Austria) between 1200 and 750 BC. From 500 to 50 BC there was a second phase known as La Tene, after its centre in modern France.


โลกของชาวเคลต์ ศตวรรษที่ 200 ก่อนคริสตกาล


โลกของชาวเคลต์ ศตวรรษที่ 200 ก่อนคริสตกาล
            สังคมชาวเคลต์ระยะแรกบางทีอาจจะมีวิวัฒนาการอยู่รอบ ๆ เมืองฮัลล์ซทัทท์ (Hallstatt – ปัจจุบันอยู่ในประเทศออสเตรีย) ระหว่างศตวรรษที่ 1200 ถึง ศตวรรษที่ 750 ก่อนคริสตกาล  ตั้งแต่ศตวรรษที่ 500 ถึง 50 ก่อนคริสตกาล ก็มีวิวัฒนาการในระยะที่สอง เรียกว่า ลา แตน ตามชื่อสถานที่สำคัญในฝรั่งเศสปัจจุบัน


Celtic Hillfort/ป้อมเนิน


Celtic society
Celtic tribes were made up of three main classes: warriors, druids, and farmers. Warfare was an important part of life, so the warriors, armed with their sophisticated iron weaponry, formed an aristocracy. Druids were religious leaders, who often held the power of life and death over other tribe members. Farmers, who reared cattle and cultivated crops using iron tools, kept the economy going. Celts lived in fortified camps called hillforts. Though built for defence, hillforts were also places of trade and religious worship - some even grew into towns. Each pagan Celtic tribe had its own king, and maybe even its own gods. Skilled metalworkers probably had high status.

สังคมชาวเคลต์
            ชนชาติเคลต์ประกอบไปด้วยชนชั้นหลัก 3 ชนชั้น คือ นักรบ พระดรูอิด และ เกษตรกร สงครามเป็นส่วนสำคัญของชีวิต ดังนั้น นักรบ ซึ่งมีอาวุธยุทธภัณฑ์ที่ช่ำชองมาก ได้ก่อตั้งเป็นชนชั้นขุนนาง พระดรูอิด เป็นผู้นำทางศาสนา ซึ่งปกติจะมีอิทธิพลต่อชีวิตและความตายเหนือสมาชิกชนชาติอื่น ๆ เกษตรกรผู้ดูแลเลี้ยงปศุสัตว์และปลูกพืชพันธัญญาหารด้วยการใช้เครื่องมือทำจากเหล็ก เพื่อให้เศรษฐกิจดำเนินไป ชาวเคลต์อาศัยอยู่ในค่ายที่แข็งแกร่ง เรียกว่า ป้อมเนิน แม้ว่าป้อมเนินจะสร้างขึ้นเพื่อป้องกัน ก็ยังเป็นสถานที่ค้าขายและประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ยิ่งกว่านั้น บางแห่งก็เจริญเติบโตไปเป็นเมือง ชนชาติเคลต์นอกรีตแต่ละพวกก็มีกษัตริย์เป็นของตนเอง และยิ่งกว่านั้นอาจจะมีเทพเจ้าเป็นของตนเองด้วย ช่างโลหะผู้มีทักษะอาจจะมีฐานะสูงได้
ม้าของชาวเคลต์
Uffington horse, England/อัฟฟิงตันฮอร์ส  อังกฤษ


Celtic horse
The horse played a major part in early Celtic warfare and religion. A horse-goddess called Peon was worshipped first by the Celts, but then also by cavalrymen in the Roman army. There are several chalk figures cut into the rock in former Celtic areas. Some resemble the horse figures that appear on surviving Celtic coins.

ม้าของชาวเคลต์
            ม้ามีบทบาทสำคัญมากในสงครามเคลต์ยุคแรกและศาสนา เทพีม้า เรียกว่า พีออน เป็นที่เคารพนับถือครั้งแรกของชาวเคลต์ แต่ต่อมาก็เป็นที่เคารพนับถือของทหารม้าในกองทัพโรมันด้วย มีรูปภาพจากผงชอล์กมากมายที่สลักเข้าไปหินในบริเวณที่อยู่ของชาวเคลต์ยุคต่อมา บางภาพคล้ายกับภาพม้าซึ่งปรากฏที่เหรียญของชาวเคลต์ที่ยังหลงเหลืออยู่

Druids
The druids were holy men in pagan Celtic society. The earliest record of them was made by Julius Caesar, who reported that they acted as judges, led rituals in forest clearings, and used golden sickles to cut mistletoe from sacred oak trees. Druids were skilled in herbalism, and kept oral records of their tribes history. Occasionally, they performed human and animal sacrifices. Those wanting to become druids had to study for up to 20 years.


 
ใบโอ๊ก
Oak leaves/ใบโอ๊ก
พระดรูอิด
            พระดรูอิดคือบุรุษที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในสังคมชาวเคลต์นอกรีต บันทึกยุคแรกสุดของชาวเคลต์จัดทำขึ้นโดยจูเลียส  ซีซาร์ผู้ที่เขียนรายงานไว้ว่า พระดรูอิดปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้พิพากษา เป็นนำด้านพิธีกรรมทำความสะอาดป่า และใช้เคียวทองคำตัดไม้จำพวกกาฝากขึ้นตามต้นไม้ในฤดูหนาวออกจากต้นโอ๊กอันศักดิ์สิทธิ์ พระดรูอิดเป็นเชี่ยวชาญในด้านการใช้สมุนไพรรักษาโรคและเก็บรักษาบันทึกประวัติศาสตร์ของชนชาติตนเองไว้ด้วยโอษฐ์ บางครั้งบางคราว นักบวชเหล่านั้นก็จะทำหน้าที่บูชายัญมนุษย์และสัตว์  ผู้ที่มีความประสงค์จะเป็นพระดรูอิดจะต้องศึกษาเป็นเวลาถึง 20 ปี




Ritual
The druids left no written records, so their rituals are shrouded in mystery. Celts worshipped many gods and spirits, particularly of trees, rocks, and mountains. One of the oldest gods, Cernunnos, is known as the lord of the beasts. He is often portrayed either wearing antlers or with horned animals, such as stags. He is also often shown wearing golden torcs, and seems to represent fertility and abundance.


รายละเอียดอ่างกุนเดอสตรัป
Detail from Gundestrup Cauldron
รายละเอียดอ่างกุนเดอสตรัป
  


พิธีกรรม
            พระดรูอิดจะไม่ทิ้งบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้น พิธีกรรมของนักบวชเหล่านั้นจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ ชาวเคลต์นับถือเทพเจ้าและผีสางมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทพเจ้าแห่งต้นไม้ หิน และภูเขา เทพเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดองค์หนึ่ง คือ เซอร์นันนอส เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเจ้าแห่งสิงห์สาราสัตว์ ปกติเทพเจ้าองค์นั้นจะได้รับการวาดภาพให้สวมเขากวางหรือไม่ก็เป็นสัตว์ที่มีเขา เช่น กวางตัวผู้ ปกติแล้วจะถือคบเพลิงให้เห็นด้วย และดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์และความล้นเหลือ



Cult of the head
The human head was very important to the pagan Celts, as was the number "3". One custom was to cut the head off a dead enemy, hang it from a horse bridle, then put it on public display. This may have been because the druids believed that a person's soul was in his head, and had to be mastered.

 
ศีรษะหินมีใบหน้า 3 ด้าน เรียกว่า สามเศียร
A stone head with three faces is called a triple head.
ศีรษะหินมีใบหน้า 3 ด้าน เรียกว่า สามเศียร


ลัทธิความเชื่อเรื่องศีรษะ
            ศีรษะมนุษย์มีความสำคัญมากต่อชาวเคลต์นอกรีต เหมือนกับเป็นเลข “3”  ประเพณีอย่างหนึ่งคือการตัดศีรษะของศัตรูออกแขวนลงจากบังเหียนม้าแล้ววางแสดงไว้ในที่สาธารณะ ข้อนี้อาจจะเป็นเพราะว่าพระดรูอิดเชื่อว่า วิญญาณของคนอยู่ในศีรษะและจะต้องถูกควบคุมไว้








Boudicca
Boudicca (d.61 AD) was queen of the Iceni, one of Britain's Celtic tribes. When the Romans conquered Britain after 43 AD, the Iceni joined forces with them to defeat a rival tribe. However, the Romans then seized Iceni lands and flogged Boudicca. She led a huge revolt, destroying the Roman settlements at St. Albans, Colchester, and London. The Romans finally defeated the rebels, and Queen Boudicca killed herself by taking poison rather than risk being captured.


         บูดิกา








บูดิกา
            บูดิกา (คริสต์ทศวรรษที่ 61) เป็นราชินีแห่งเผ่าไอซินี หนึ่งในบรรดาชนเผ่าเคลต์ เมื่อชาวโรมันพิชิตเกาะอังกฤษ ภายหลังคริสต์ศักราช 43 (พ.ศ. 586) ชาวเผ่าไอซินีก็รวมอำนาจเข้ากับโรมันเพื่อพิชิตเผ่าที่เป็นศัตรู อย่างไรก็ตาม ต่อมา ชาวโรมันก็ยึดครองดินแดนไอซินีและเฆี่ยนราชินีบูดิกา หล่อนได้เป็นผู้นำการปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยการทำลายหลักแหล่งของชาวโรมันที่เซนต์ออลบันส์ โคลเชสเตอร์ และลอนดอน ในที่สุด ชาวโรมันพิชิตการก่อกบฏ และราชินีบูดิกาก็ทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาพิษดีกว่าจะเสี่ยงให้ถูกจับ
Art and decoration
The Celts were a warlike people, but they were gifted craftworkers and artists too. Celtic metalworkers excelled at decorated weaponry, jewellery, vessels, and mirrors. After the conversion to Christianity, Celtic monks in the British Isles made illustrated holy books of awesome detail. The Lindisfarne Gospels (c.700) feature 45 different colours all made from finely ground minerals or vegetable dyes.

ศิลปะและเครื่องประดับ
            ชาวเคลต์เป็นพวกกระหายสงคราม แต่พวกเขาก็มีพรสวรรค์ในการเป็นช่างหัตถกรรมประดิษฐ์และช่างศิลป์ด้วย ช่างโลหะชาวเคลต์มีความเป็นเลิศด้านอาวุธ เครื่องเพชรพลอย ภาชนะ และกระจกที่ใช้สำหรับประดับตกแต่ง หลังจากเปลี่ยนไปนับถือคริสต์ศาสนา พระชาวเคลต์ในเกาะอังกฤษได้ทำหนังสือศักดิ์สิทธิ์มีภาพประกอบมีรายละเอียดอย่างยอดเยี่ยม พระวรสารลินดิสฟาร์น (ศตวรรษที่ 700) มีสีแตกต่างกัน 45 สี ทั้งหมดทำจากแร่ใต้ดินบริสุทธิ์หรือสีย้อมจากพืช








Battersea shield
Many of the most beautiful bronze Celtic shields were too thin for use in battle, and were purely ornamental. The Battersea shield was probably used only for military parades. It was found in the River Thames, London, in 1857.


โล่แบตเตอร์ซี








โล่แบตเตอร์ซี
            โล่ของชาวเคลต์ส่วนใหญ่ทำจากทองสัมฤทธิ์สวยงามจำนวนมากบางเกินไปที่จะใช้ในการทำสงคราม และเป็นเครื่องประดับที่บริสุทธิ์ โล่ Batterseaบางทีอาจจะใช้สำหรับเดินสวนสนามของทหารเท่านั้น ค้นพบในแม่น้ำเทมส์ลอนดอน ในปี ค.ศ. 1857 (พ.ศ. 2400)
Torc
According to the ancient Greek writer, Strabo, Celts loved to dress in colourful clothes and wear jewellery in gold, silver, or electrum (an alloy of gold and silver): "They wear torcs around their necks, and bracelets on their arms and wrists," he wrote. Many gold, bronze, and silver torcs have been found in Celtic graves.


ห่วงคอแข็งขนาดใหญ่

ห่วงคอแข็งขนาดใหญ่
            ตามที่สตราโบ นักเขียนชาวกรีกโบราณเขียนไว้ ชาวเคลต์นิยมสวมเสื้อผ้ามีสีสันและสวมใส่เครื่องเพชรพลอยเป็นทองคำ เงิน หรือโลหะผสมระหว่างทองและเงิน  สตราโบกล่าวว่า “ชาวเคลต์สวมห่วงคอแข็งขนาดใหญ่รอบคอตนเองและกำไลที่แขนและข้อมือ”  ห่วงคอแข็งขนาดใหญ่ เป็นทองคำ ทองสัมฤทธิ์และเงินจำนวนมากค้นพบในหลุมฝังศพของชาวเคลต์



Tara brooch
Brooches, such as the Tara, date from the 8th century - the early Christian era in Celtic Ireland. Only 9 cms (3.5 inches) in diameter, the Tara brooch is a magnificently detailed piece of jewellery, featuring filigree, gilt chip-carvings, enameled glass, amber, and gold wire.

  
เข็มกลัดทารา



เข็มกลัดทารา
            เข้มกลัด เช่น เข็มกลัดทารา มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 ซึ่งเป็นยุคแรกของชาวคริสต์ในประเทศไอร์แลนด์ที่เป็นชาวเคลต์ เข็มกลัดทารามีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 9 เซนติเมตร (3.5 นิ้ว) เท่านั้น  เป็นชิ้นเพชรพลอยมีรายละเอียดงดงาม มีลักษณะเด่นเป็นเส้นสายละเอียด แกะสลักจากทองคำ เป็นแก้วเคลือบ สีอำพัน และเป็นเส้นทองคำ




Sculpture
Animals and birds often figured in Celtic art and decoration, and certain animals were sacred, such as pigs or boars, which often appear in Celtic legend. The legendary King Arthur himself was known as "the Boar of Cornwall".


ประติมากรรม





ประติมากรรม
            ปกติแล้วสัตว์และนกเป็นสัญลักษณ์สำคัญในศิลปะและเครื่องประดับของชาวเคลต์ และเป็นสัตว์ที่ศักดิ์อย่างแน่นอน เช่น หมู หรือ หมู่ป่าตัวผู้ ซึ่งปรากฏในตำนานของชาวเคลต์เสมอ ๆ กษัตริย์อาร์เธอร์ในตำนานพระองค์เองก็ได้รับการขนานนามว่า  “หมู่ป่าแห่งคอร์นวอลล์”

Metalworking
As well as sophisticated iron weaponry and farming tools, skilled Celtic metalworkers produced high-status goods for chieftains, and elaborately decorated items for trade throughout Europe. In Gaul (modern France) the smiths even had their own god - a smith-god known as Sucellos.


งานด้านเครื่องใช้โลหะ
            ช่างโลหะชาวเคลต์มีทักษะความชำนาญด้านทำอาวุธเหล็กและเครื่องมือทำการเกษตร ได้ผลิตสินมีคุณภาพสูงให้กับหัวหน้าหน้าเผ่าและสินค้าประดับที่ประณีตเพื่อค้าขายไปทั่วยุโรป ยิ่งกว่านั้น ในแคว้นกอล (ฝรั่งเศสปัจจุบัน) ช่างตีเหล็กยังมีเทพเจ้าเป็นของตนเอง เป็นเทพเจ้าแห่งช่างตีเหล็ก เรียกว่า ซุเซลลอส





Christianity
During the Roman occupation, Christianity came to Britain - but failed to take deep root. However one convert, St Patrick, went on to convert pagan Celtic Ireland in the 5th century. After this, the Celts adopted the religion with gusto and Ireland became a Christian stronghold for the next three centuries.

 
ไม้กางเขนของชาวเคลต์
Celtic cross/ไม้กางเขนของชาวเคลต์





ศาสนาคริสต์
            ในช่วงที่โรมันยึดครอง ศาสนาคริสต์ได้เข้ามายังเกาะอังกฤษ แต่ล้มเหลวในการหยั่งรากลึก อย่างไรก็ตาม นักบุญแพทริคผู้ทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนาก็ยังดำเนินการเพื่อให้ชาวเคลต์นอกศาสนาในประเทศไอร์แลนด์หันมานับถือศาสนาคริสต์ในศตวรรษที่ 5  ต่อจากนั้น ชาวเคลต์ก็ยอมรับนับถือถือศาสนา (คริสต์) ด้วยความเต็มใจและประเทศไอร์แลนด์ก็กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญของศาสนาคริสต์ เป็นเวลา 3 ศตวรรษต่อมา

Monks
Celtic Christianity was famous for the harshness of the monks' lives, and the enthusiam of their devotions. From c.500, monasteries ranged from simple cells for single monks to communities the size of towns.

 
โบสถ์คริสต์ยุคแรกในประเทศไอร์แลนด์
Early Christian church, Ireland
โบสถ์คริสต์ยุคแรกในประเทศไอร์แลนด์
พระ
            ศาสนาคริสต์ของชาวเคลต์โด่งดังด้านความห้าวหาญในการครองชีวิตของพระและความศรัทธาอย่างแรงกล้าในการอุทิศตนของพระเหล่านั้น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 500 วัดตั้งเรียงรายตั้งแต่เป็นห้องเล็ก ๆ แบบง่าย ๆ สำหรับพระรูปเดียวจนถึงเป็นสังคมขนาดเท่ากับเมืองเล็ก ๆ




Missionaries
After Irish Christians set up monasteries in Britain, France, and northern Italy, they started to convert the native peoples. The monks loved learning and helped to keep culture alive in Europe, during the chaos that followed the decline of the Roman Empire. Irish monks operating from the island of Iona, off western Scotland, produced the beautiful Book of Kells, c.800, with its extraordinary illuminated (decorated) lettering.


พระวารสารเคลล์ส

Monogram page, Gospel of St Matthew, Book of Kells
หน้าอักษรย่อ พระวารสารของนักบุญแม็ทธิว, พระวารสารเคลล์ส




ผู้เผยแพร่ศาสนา
            หลังจากชาวคริสต์ไอร์แลนด์จัดตั้งวัดขึ้นในอังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาลีตอนเหนือ ก็เริ่มเปลี่ยนผู้คนในท้องถิ่นหันมานับถือศาสนาคริสต์ พระชอบเล่าเรียนและช่วยรักษาวัฒนธรรมให้มีชีวิตชีวาขึ้นในยุโรป ในช่วงที่เกิดความวุ่นวายตามด้วยการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน พระชาวไอร์แลนด์ซึ่งดำเนินการตั้งแต่เกาะไอโอนา นอกชายฝั่งสกอตแลนด์ ได้ผลิตพระวารสารเคลลส์อย่างสวยงาม ในศตวรรษที่ 8 มีตัวเขียนพร้อมภาพประกอบเป็นพิเศษ


Myths
The pagan Celts had a rich oral tradition. Their stories included myths about mighty gods, such as the Welsh Bran the Blessed, and the Irish Dagda (Father of All); legends about fearless warrior-heroes, such as Cuchulain and King Arthur; and tales of the "shape-changers" - magical creatures from the Underworld. Since the Celts had no written language, monks later wrote down the stories for future generations.

Merlin
The first written legends of the Welsh wizard, Merlin, said that he was a Celtic boy whose father was the devil. At an early age, he found he could foretell the future. In later stories, he appeared as the wizard and mentor of King Arthur of England.

 
รูปแกะสลักไม้พ่อมดเมอร์ลิน
Engraving of the wizard Merlin
รูปแกะสลักไม้พ่อมดเมอร์ลิน


เทพปกรณัม
            ชาวเคลต์นอกศาสนามีประเพณีปากต่อปากที่รุ่งเรือง นิทานของชาวเคลต์ประกอบด้วยเทพปกรณัมเกี่ยวกับเทพผู้องอาจกล้าหาญ เช่น บราน ผู้จำเริญของเวลส์ และ แดกดา เทพของชาวไอริช (บิดาแห่งเทพทั้งปวง) ตำนานวีรบุรุษนักรบผู้กล้าหาญ เช่น ซุชุเลนกับกษัตริย์อาร์เธอร์ ตลอดจนนิทานเรื่อง “ผู้เปลี่ยนแปลงรูปร่าง” ซึ่งเป็นสัตว์มหัศจรรย์จากยมโลก เนื่องจากชาวเคลต์ไม่มีภาษาเขียน ต่อมาพระจึงได้เขียนเรื่องราวหลายเรื่องลงเป็นตัวหนังสือเพื่อคนรุ่นหลังในอนาคต

พ่อมดเมอร์ลิน
            ตำนานที่เขียนขึ้นเป็นครั้งแรก คือ พ่อมดชาวเวลส์ นามว่า เมอร์ลิน กล่าวกันว่า เขาเป็นเด็กชาวเคลต์ที่มีบิดาเป็นปีศาจ  ในสมัยเป็นเด็ก เขาค้นพบว่าตัวเองสามารถทำนายอนาคตได้ ในนิทานยุคต่อมา ปรากฏว่าเขาเป็นพ่อมดและเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์อาร์เธอร์แห่งอังกฤษ



Languages
Two types of Celtic language continue to be spoken and written today: Brythonic (Breton, Welsh, Cornish) and Gaelic (Irish, Scots Gaelic, Manx). They may all be traced back to a common ancient Indo-European language.
 
ภาษาไอร์แลนด์สมัยใหม่
Modern Irish
ภาษาไอร์แลนด์สมัยใหม่



ภาษา
            ภาษาเคลต์มี 2 ตระกูล ยังมีพูดและเขียนมาถึงปัจจุบัน คือ บริธอนิก (ของชาวเบรอตัง ชาวเวลส์ ชาวคอร์นวอลล์) กับเกลิก (ของชาวไอร์แลนด์ ชาวเกลิกสกอต ชาวแมนซ์) ภาษาเหล่านั้นทั้งหมดน่าจะย้อนรอยไปถึงภาษาอินโด-ยุโรเปียนโบราณทั่วไป