Geography and the Early Greeks
Geography Shapes Greek Civilization
The Greeks lived on
rocky, mountainous lands surrounded by water. The mainland of Greece is a peninsula,
an area of land that is surrounded on three sides by
water. But the Greek peninsula is very irregular. It’s one big peninsula made up of a
series of smaller peninsulas. The
land and sea intertwine like your hand and fingers in a bowl of water. In addition, there are
many islands. Look at the map of
Greece and notice the rugged coastline.
|
ภูมิศาสตร์และกรีกยุคแรก
ภูมิศาสตร์ก่อรูปร่างเป็นอารยธรรมกรีก
ชาวกรีกอาศัยอยู่บนแผ่นดินที่เป็นหิน
เป็นภูเขา แวดล้อมด้วยน้ำ แผ่นดินใหญ่ของกรีซเป็นคาบสมุทร
ซึ่งเป็นบริเวณแผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบทั้งสามด้าน แต่คาบสมุทรกรีกมีสภาพขรุขระมาก
คาบสมุทรขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของกรีซเกิดจากคาบสมุทรเล็ก ๆ เรียงรายกัน แผ่นดินและทะเลประสานกันคล้ายกับฝ่ามือและนิ้วมือในอ่างน้ำ
นอกจากนั้น ยังมีเกาะมากมายหลายเกาะ มองดูแผนที่ประเทศกรีซและสังเกตเส้นแนวฝั่งชายทะเลมีพื้นผิวขรุขระ
|
In your mind, picture
those peninsulas and islands dominated by mountains that run almost to the sea. Just a few
small valleys and coastal plains provide flat land for farming and villages. Now you have
an image of Greece, a land where one of the world’s greatest civilizations developed.
Mountains and Settlements
Because mountains
cover much of Greece, there are few flat areas for
farmland. People settled in those
flat areas along the coast and in river valleys. They lived in villages and towns
separated by mountains and seas.
Travel across the
mountains and seas was difficult, so communities were
isolated from one another. As a
result, the people created their own governments and
ways of life. Even though they
spoke the same language, Greek communities saw
themselves as separate countries.
|
คาบสมุทรและเกาะที่มีภูเขาเกือบเต็มทะเลเหล่านี้ เพียงหุบเขาเล็ก ๆ
และที่ราบชายฝั่งก็ทำให้มีแผ่นดินราบสำหรับทำเกษตรกรรมและสร้างหมู่บ้าน ต่อไปนี้จะกล่าวถึงภาพพจน์ของกรีซซึ่งเป็นดินแดนมีวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
ภูเขาและการตั้งหลักแหล่ง
เนื่องจากภูเขาปกคลุมไปทั่วกรีซ
จึงมีบริเวณที่ราบสำหรับทำการเกษตรเพียงเล็กน้อย ผู้คนได้ตั้งหลักแหล่งในบริเวณที่ราบเหล่านั้นตามชายฝั่งทะเลและในลุ่มแม่น้ำ
อาศัยอยู่กันเป็นหมู่บ้านและเป็นเมืองมีภูเขาและทะเลแยกจากกันเป็นสัดส่วน
การสัญจรข้ามภูเขาและทะเลเป็นการยากลำบาก
ดังนั้น ชุมชนจึงถูกแยกออกจากสังคมอื่น ๆ เป็นผลให้ผู้คนได้สร้างการปกครองและวิถีการดำเนินชีวิตเป็นของตนเอง
แม้ว่าจะพูดภาษาเดียวกัน สังคมกรีกก็มองตัวเองเป็นประเทศที่โดดเดี่ยว
|
and beautiful islands. The
trees you see are olive trees.
Olives
were grown by the early Greeks for food and oil.
|
Mountains and Settlements
Because mountains
cover much of Greece, there are few flat areas for
farmland. People settled in those
flat areas along the coast and in river valleys. They lived in villages and towns
separated by mountains and seas.
Travel across the
mountains and seas was difficult, so communities were
isolated from one another. As a
result, the people created their own governments and
ways of life. Even though they
spoke the same language, Greek communities saw
themselves as separate countries.
Seas and Ships
Since travel inland
across the rugged mountains was so difficult, the early
Greeks turned to the seas. On the
south was the huge Mediterranean Sea, to the west was the Ionian Sea, and to the east was the
Aegean Sea. It’s
not surprising that the early Greeks used the sea as a
source for food and as a way of trading with other
communities.
The Greeks became skilled shipbuilders and sailors. Their ships sailed to Asia
Minor (present-day Turkey), to Egypt, and to the islands of the
Mediterranean and Aegean seas. As
they traveled around these seas, they found sources of
food and other products they needed. They
also exchanged ideas with other cultures.
Trading Cultures Develop
Many cultures settled
and developed in Greece. Two of the
earliest were the Minoans and the Mycenaens. By 2000 BC the Minoans had built an
advanced society on the island of Crete. Crete
lay south of the Aegean in the eastern Mediterranean. Later, the Mycenaeans built towns on the Greek
mainland. These two civilizations influenced
the entire Aegean region and helped shape later cultures
in Greece.
|
ภูเขาและการตั้งหลักแหล่ง
เนื่องจากภูเขาปกคลุมไปทั่วกรีซ
จึงมีบริเวณที่ราบสำหรับทำการเกษตรเพียงเล็กน้อย ผู้คนได้ตั้งหลักแหล่งในบริเวณที่ราบเหล่านั้นตามชายฝั่งทะเลและในลุ่มแม่น้ำ
อาศัยอยู่กันเป็นหมู่บ้านและเป็นเมืองมีภูเขาและทะเลแยกจากกันเป็นสัดส่วน
การสัญจรข้ามภูเขาและทะเลเป็นการยากลำบาก
ดังนั้น ชุมชนจึงถูกแยกออกจากสังคมอื่น ๆ เป็นผลให้ผู้คนได้สร้างการปกครองและวิถีการดำเนินชีวิตเป็นของตนเอง
แม้ว่าจะพูดภาษาเดียวกัน สังคมกรีกก็มองตัวเองเป็นประเทศที่โดดเดี่ยว
เนื่องจากการสัญจรภายในประเทศข้ามภูเขาที่ขรุขระเป็นการลำบากมาก
ชาวกรีกยุคแรกจึงหันไปใช้ทะเล ด้านทิศใต้มีทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันใหญ่โตมหาศาล ด้านทิศตะวันตกเป็นทะเลไอโอเนียนและด้านทิศตะวันออกเป็นทะเลอีเจียน
จึงไม่แปลกที่ชาวกรีกยุคแรกใช้ทะเลเป็นแหล่งหาอาหารและเป็นเส้นทางค้าขายกับชุมชนอื่น
ๆ
ชาวกรีกจึงกลายเป็นนักต่อเรือและนักแล่นเรือที่เชี่ยวชาญ
เรือของชาวกรีกได้แล่นไปจนถึงเอเชียไมเนอร์ (ประเทศตุรกีในปัจจุบัน) อียิปต์
และเกาะหลายเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลอีเจียน ในขณะที่ชาวกรีกสัญจรไปรอบ
ๆ ทะเลเหล่านี้ ก็ได้ค้นพบแหล่งอาหารและผลผลิตอื่น ๆ ที่ตนเองต้องการ พร้อมทั้งได้แลกเปลี่ยนแนวคิดกับวัฒนธรรมอื่น
ๆ ด้วย
วัฒนธรรมการค้าขายพัฒนาขึ้น
วัฒนธรรมจำนวนมากหยั่งรากลงและมีวิวัฒนาการในประเทศกรีซ
วัฒนธรรม 2 แห่งแรกสุด คือ ไมนวน (หรือมิโนอัน) และไมซีเนียน ประมาณ 2000
ปีก่อนคริสตกาล
ชาวไมนวนได้สร้างสังคมที่เจริญก้าวหน้าบนเกาะครีตซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของทะเลอีเจียนในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก
ต่อมา ชาวไมซีเนียนก็ได้สร้างเมืองหลายเมืองบนแผ่นดินใหญ่ของกรีก อารยธรรม 2
แห่งนี้ มีอิทธิพลต่อทะเลอีเจียนทุกส่วนและช่วยก่อรูปเป็นวัฒนธรรมในประเทศกรีซในยุคต่อมา
|
Early
Trading Culture
The Minoans and Mycenaen were
expert shipbuilders and seafarers. They sailed through the eastern
Mediterranean to trade.
|
วัฒนธรรมการค้าขายในยุคแรก
ชาวไมนวน
(หรือมิโนอัน) เป็นนักต่อเรือและนักเดินเรือผู้เชี่ยวชาญ พวกเขาเดินเรือไปค้าขายทั่วทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก
|
|||
The
Minoans
The Minoans traded goods like
this vase decorated with an octopus (Above picture). Trade made the Minoans
rich enough to build magnificent buildings. These are the ruins of a great
palace in the Minoan city of Knossos, on the island of Crete (Middle picture).
|
ชาวไมนวน (มิโนอัน)
ชาวไมนวนค้าขายสินค้า
เช่น ภาชนะทรงสูงในภาพนี้ตกแต่งด้วยหมึกยักษ์ (ภาพกลาง) การค้าขายทำให้ชาวไมนวนร่ำรวยพอที่จะสร้างอาคารอันงดงามอลังการ
นี้คือซากปรักหักพังของปราสาทขนาดใหญ่ในเมืองคนอสซอสของชาวไมนวน บนเกาะครีต (ภาพบน)
|
The Minoans
Because they lived on
an island, the Minoans spent much of their time at sea. They were among the best shipbuilders
of their time. Minoan ships carried
goods such as wood, olive oil, and pottery all around
the eastern Mediterranean. They
traded these goods for copper, gold, silver, and jewels.
Although Crete’s location was excellent for Minoan
traders, its geography had its dangers. Sometime
in the 1600s BC a huge volcano erupted just north of
Crete. This eruption created a
giant wave that flooded much of Crete. In
addition, the eruption threw up huge clouds of ash, ruining crops and burying cities. This eruption may
have led to the end of Minoan civilization.
|
ชาวไมนวน (หรือมิโนอัน)
เนื่องจากชาวไมนวนอาศัยอยู่บนเกาะ
จึงใช้เวลาส่วนมากอยู่ที่ทะเล เป็นนักต่อเรือที่ดีที่สุดแห่งยุค เรือของชาวไมนวนบรรทุกสินค้า
เช่น ไม้ น้ำมันมะกอก และเครื่องปั้นดินเผาไปรอบ ๆ
ทุกส่วนของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก ชาวไมนวนค้าขายสิ้นค้าเหล่านี้เพื่อแลกกับทองแดง
ทองคำ เงิน และเพชรพลอย
แม้ว่าทำเลของเกาะครีตจะดีเลิศสำหรับชาวไมนวน
ภูมิประเทศก็มีอันตรายมากมาย บางเวลาในศตวรรษที่ 1600 ก่อนคริสตกาล ภูเขาไฟขนาดมหึมาเพิ่งจะปะทุขึ้นในทางตอนเหนือของเกาะครีต
การปะทุครั้งนี้ได้สร้างคลื่นขนาดยักษ์ซึ่งไหลท่วมไปทั่วเกาะครีต นอกจากนี้
การปะทุนั้นได้พ่นกลุ่มแก๊สเถ้าถ่านขนาดมหึมา
ทำลายพืชพันธุ์ธัญญาหารและทับถมเมืองหลายเมือง การปะทุครั้งนี้อาจจะนำไปสู่การล่มสลายของอารยธรรมไมนวน
|
Minoan
and Mycenaean Civilizations
The
Mycenaeans
After Minoan civilization declined, the Mycenaeans
became the major traders in the eastern Mediterranean. This beautiful gold
mask was found in a tomb in Mycenae.
|
อารยธรรมไมนวนและไมซีเนียน
ชาวไมซีเนียน
หลังจากอารยธรรมไมนวนสูญสลาย
ชาวไมซีเนียนก็กลายเป็นพ่อค้าส่วนใหญ่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก หน้ากากทองคำสวยงามอันนี้ค้นพบในหลุมฝังศพในไมซีนี
|
The Mycenaeans
Although they lived
in what is now Greece and influenced Greek society,
historians don’t consider the
Minoans to be Greek. This is because the Minoans didn’t speak the Greek language.
The first people to speak Greek, and therefore
the first to be considered Greek, were the Mycenaeans.
While the Minoans
were sailing the Mediterranean, the Mycenaeans were building fortresses all over the Greek mainland.
The largest and most powerful fortress was Mycenae, after which the Mycenaeans were named.
By the mid-1400s, Minoan society had declined. That decline allowed the Mycenaeans to
take over Crete and become the major traders in the
eastern Mediterranean. They set up colonies in northern
Greece and Italy from which they shipped goods to markets around the Mediterranean and Black
seas.
The Mycenaeans didn’t
think trade had to be conducted peacefully.
They often attacked other kingdoms.
Some historians think the Mycenaeans attacked the city of Troy, possibly starting the legendary Trojan
War, which is featured in many works of literature.
Mycenaean society began to fall
apart in the 1200s BC when invaders from Europe swept into Greece. At the same time,
earthquakes destroyed many cities. As
Mycenaean civilization crumbled, Greece slid into a period of warfare and disorder, a period called
the Dark Age.
|
ชาวไมซีเนียน
ถึงแม้ว่าชาวไมซีเนียนจะอาศัยอยู่ในประเทศกรีซในปัจจุบันและมีอิทธิพลต่อสังคมกรีซ
นักประวัติศาสตร์ไม่ถือว่าชาวไมนวนเป็นชาวกรีก เหตุนี้เป็นเพราะชาวไมนวนไม่ได้พูดภาษากรีก
ผู้คนกลุ่มแรกที่พูดภาษากรีกและด้วยเหตุนั้นจึงถือว่าเป็นชาวกรีกพวกแรก คือ
ชาวไมซีเนียน
ในขณะที่ชาวไมนวนกำลังเดินเรือไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ชาวไมซีเนียนก็กำลังสร้างป้อมปราการทั่วทุกส่วนของแผ่นดินใหญ่กรีก ป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุด
คือ ป้อมไมซินี ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อชาวไมซีเนียน
ประมาณกลางศตวรรษที่
1400 สังคมชาวไมนวนก็ล่มสลายลง
การล่มสลายนั้นทำให้ชาวไมซีเนียนยึดครองเกาะครีตและกลายเป็นพ่อค้าสำคัญในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก
โดยได้ตั้งดินแดนที่เป็นอาณานิคมในตอนเหนือของประเทศกรีซและอิตาลีซึ่งเป็นแหล่งที่พวกเขาขนสินค้าทางเรือไปยังตลาดรอบ
ๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลดำ
ชาวไมซีเนียนไม่คิดว่าการค้าขายจะต้องดำเนินไปอย่างสันติวิธี
บ่อยครั้งที่พวกเขาได้ต่อสู้กับอาณาจักรอื่น ๆ นักประวัติศาสตร์บางคนคิดว่า
ชาวไม่ซีเนียนได้ต่อสู้กับเมืองทรอยอาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นการเริ่มสงครามกรุงทรอยในตำนาน
ซึ่งเป็นจุดเด่นในผลงานด้านวรรณคดีหลายเรื่อง
สังคมไมซีเนียนเริ่มจะล่มสลายเมื่อศตวรรษที่ 1200 ก่อนคริสตกาล เมื่อผู้รุกรานจากยุโรปได้บุกรุกเข้าไปสู่ประเทศกรีซ ในเวลาเดียวกันนั้น แผ่นดินไหวก็ได้ทำลายเมืองมากมาย ในขณะที่อารยธรรมไมซีเนียนล่มสลาย ประเทศกรีซก็เข้าสู่ยุคสงครามและความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งเป็นยุคที่เรียกว่า ยุคมืด |
Greeks Create City-States
The Greeks of the
Dark Age left no written records. All
that we know about the period comes from archaeological
findings.
About 300 years after
the Mycenaean civilization crumbled, the Greeks started to join together in small groups for protection
and stability. Over time, these groups set up independent city-states. The Greek word for a city-state
is polis. The creation of city-states
marks the beginning of what is known as Greece’s classical age. A classical
age is one that is marked by great achievements.
Life in a City-State
A Greek city was
usually built around a strong fortress. This
fortress often stood on top of a high hill called the acropolis. The town around the acropolis was
surrounded by walls for added protection.
Not everyone who lived in the city-state actually lived inside the city
walls. Farmers, for example,
usually lived near their fields outside the walls. In times of war, however, women,
children, and elderly people all gathered inside the
city walls for protection. As a
result, they remained safe while the men of the polis
formed an army to fight off its enemies.
Life in the city often focused on
the marketplace, or agora in Greek. Farmers
brought their crops to the market to trade for goods
made by craftsmen in the town. Because
it was a large open space, the market also served as a
meeting place. People held both political and religious assemblies in the market. It often
contained shops as well.
The city-state
became the foundation of Greek civilization. Besides providing security for its
people, the city gave them an identity. People
thought of themselves as residents of a city, not as
Greeks. Because the city-state was so central to their lives, the
Greeks expected people to participate in its affairs,
especially in its economy and its government.
City-States
and Colonization
Life in Greece
eventually became more settled. People no longer had to
fear raiders swooping down on their cities.
As a result, they were free to think about things
other than defense. Some Greeks
began to dream of becoming rich through trade. Others became curious about neighboring
lands around the Mediterranean Sea. Some
also worried about how to deal with Greece’s growing population. Despite their
different reasons, all these people eventually reached the same idea: the Greeks should establish colonies.
Before long, groups
from city-states around Greece
began to set up colonies in distant lands.
After they were set up, Greek colonies became
independent. In other words, each
colony became a new polis. In fact,
some cities that began as colonies began to create
colonies of their own. Eventually
Greek colonies spread all around the Mediterranean and
Black seas. Many big cities around the Mediterranean today began as Greek colonies. Among them are Istanbul in Turkey, Marseille
in France, and Naples in Italy.
Patterns of Trade
Although the colonies
were independent, they often traded with city-states on the mainland. The
colonies sent metals such as copper and iron back to
mainland Greece. In return, the Greek city-states
sent wine, olive oil, and other products.
Trade made the city-states much richer. Because of their
locations, some city-states became
great trading centers. By 550 BC the
Greeks had become the greatest traders in the whole
Aegean region. Greek ships sailed
to Egypt and cities around the Black Sea.
|
ชาวกรีกสร้างนครรัฐ
ชาวกรีกแห่งยุคมืดไม่ได้ทิ้งบันทึกที่เป็นลายลักษณ์อักษรไว้
ที่พวกเรารู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับยุคนั้นมาจากการค้นพบทางโบราณคดี
ประมาณ
300 ปี หลังจากอารยธรรมไมซีเนียนล่มสลาย ชาวกรีกได้เริ่มเกาะกลุ่มกันเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยเพื่อป้องกันและเพื่อความเสถียรภาพ
เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มเหล่านี้ได้จัดตั้งนครรัฐอิสระขึ้น คำในภาษากรีกที่ใช้เรียกนครรัฐ
คือ polis การสร้างนครรัฐนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นสิ่งที่เรียกว่า
ยุคคลาสสิกของกรีซ ยุคคลาสสิกเป็นยุคที่มีความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เป็นสัญลักษณ์
การดำเนินชีวิตในนครรัฐ
นครรัฐกรีกปกติจะสร้างขึ้นรอบ
ๆ ป้อมปราการอันแข็งแรง ป้อมปราการนี้มักจะตั้งอยู่บนยอดเขาสูง เรียกว่า อะโครโพลิส
เมืองที่อยู่รอบ ๆ อะโครโพลิสจะล้อมรอบด้วยกำแพงเพื่อการป้องกันเพิ่มเติม
ไม่มีใครที่อาศัยอยู่ในนครรัฐอาศัยอยู่ภายในกำแพงเมืองอย่างแท้จริง
ยกตัวอย่างเช่น เกษตรกรจะอาศัยอยู่ใกล้ทุ่งนานอกกำแพงเมืองเป็นประจำ
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงสงคราม สตรี เด็ก ๆ
และคนชราทั้งหมดจะมารวมกันภายในกำแพงเมืองเพื่อการคุ้มครอง เป็นเหตุให้คนเหล่านั้นยังคงมีความปลอดภัยในขณะที่บุรุษแห่งนครรัฐจะก่อตัวเป็นกองทัพเพื่อขับไล่ข้าศึกออกไป
การดำเนินชีวิตในเมืองปกติจะไปรวมตัวกันที่ตลาด
หรือลานชุมนุมในกรีก เกษตรกรจะนำพืชผลของตนเองมายังตลาดเพื่อค้าขายแลกกับสินค้าที่ช่างหัตถกรรมประดิษฐ์ขึ้นในเมือง
เนื่องจากเป็นที่โล่งกว้างขนาดใหญ่ ตลาดจึงให้บริการเป็นสถานพบปะกันด้วย ผู้คนก็จัดการประชุมทั้งทางการเมืองและทางศาสนาในตลาด
ปกติแล้วก็มีร้านค้าอยู่ด้วย
นครรัฐกลายเป็นรากฐานของอารยธรรมกรีก
นอกจากการจัดการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้คนแล้ว นครยังให้เอกลักษณ์แก่ผู้คนเหล่านั้นด้วย
เหล่าผู้คนคิดว่าตนเองเป็นผู้พักอาศัยของเมือง ไม่ใช่ชาวกรีก เนื่องจากนครรัฐเป็นศูนย์ในการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง
ชาวกรีกจึงคาดหวังให้ผู้คนมีส่วนร่วมในกิจการของนครรัฐ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจและการปกครอง
นครรัฐและการสร้างอาณานิคม
ในที่สุด
การดำเนินชีวิตในประเทศกรีซก็กลายเป็นการตั้งหลักแหล่งมากขึ้น ผู้คนไม่ต้องกลัวการโจมตีที่จะมาจู่โจมเมืองของพวกเขาอีกต่อไป
เป็นเหตุให้มีอิสรภาพที่จะคิดเรื่องอื่น ๆ มากกว่าเรื่องการป้องกัน ชาวกรีกบางพวกก็เริ่มฝันจะเป็นคนร่ำรวยด้วยการค้าขาย
ชาวกรีกพวกอื่น ๆ ก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับดินแดนของเพื่อนบ้านที่อยู่รอบ ๆ
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บางพวกยังมีความกังวลเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับประชากรที่เติบโตขึ้นของประเทศกรีซ
แม้จะมีเหตุผลแตกต่างกัน ผู้คนเหล่านี้ทั้งหมดก็เข้าถึงแนวคิดร่วมกันในที่สุด
นั่นคือ ชาวกรีกควรจะสถาปนาอาณานิคม
ในไม่ช้า
กลุ่มที่มาจากนครรัฐที่อยู่รอบ ๆ ประเทศกรีซก็เริ่มจัดตั้งอาณานิคมในดินแดนที่อยู่ห่างไกลออกไป
หลังจากอาณานิคมเหล่านั้นจัดตั้งขึ้นแล้ว อาณานิคมกรีกก็เป็นอิสรภาพ อีกประการหนึ่ง
อาณานิคมแต่ละแห่งก็กลายเป็นนครรัฐใหม่ ตามความเป็นจริง
บางนครที่เริ่มจะเป็นอาณานิคมก็เริ่มสร้างอาณานิคมของตนเอง ในที่สุด
อาณานิคมกรีกก็แพร่กระจายไปรอบ ๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลดำทั่วทุกแห่ง ในจำนวนเหล่านั้น
ก็มีเมืองอิสตันบูลในตุรกี มาร์แซย์ ในฝรั่งเศส และเนเปิลในอิตาลี
รูปแบบการค้าขาย
แม้ว่าอาณานิคมเหล่านั้นจะเป็นอิสรภาพ
ก็ทำการค้าขายกับนครรัฐบนแผ่นดินใหญ่อยู่เสมอ ๆ อาณานิคมเหล่านั้นได้ส่งโลหะ เช่น ทองแดงและเหล็กกลับไปยังกรีซแผ่นดินใหญ่
ในทางกลับกัน นครรัฐกรีกก็ได้ส่งเหล้าไวน์ น้ำมันมะกอก และผลผลิตอื่น ๆ ไปยังอาณานิคมเหล่านั้น
การค้าขายทำให้นครรัฐร่ำรวยมากขึ้น
นครรัฐบางแห่งก็กลายเป็นศูนย์กลางการค้าขายอันยิ่งใหญ่เนื่องจากทำเลของนครรัฐเหล่านั้น
(เหมาะสม) ประมาณ 550 ปีก่อนคริสตกาล
ชาวกรีกก็กลายเป็นพ่อค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคทะเลอีเจียนทุกหมด เรือของกรีกเดินทางไปยังอียิปต์และหลายเมืองรอบ
ๆ ทะเลดำ
|
Natural
disaster
Nature is a powerful
force. Throughout history, great natural disasters
have affected civilizations. One natural disaster was so devastating that it may have contributed to the destruction of the entire Minoan civilization.
In the 1600s BC a
volcano on the Greek island of Thera erupted. The colossal explosion was one of the largest in history. It was so powerful that people
could see and hear it from hundreds of miles away. In a moment of nature’s fury, the history of the Mediterranean world was changed forever.
|
ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ธรรมชาติมีพลังอำนาจมากมาย
ตลอดประวัติศาสตร์ ภัยพิบัติทางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่มีผลกระทบต่ออารยธรรม ภัยพิบัติอย่างหนึ่งทำลายล้างมากจนกระทั่งอาจจะมีส่วนในการทำลายอารยธรรมไมนวนทั้งหมด
เมื่อศตวรรษที่
1600 ก่อนคริสตกาล ภูเขาไฟบนเกาะธีราของกรีกได้ปะทุขึ้น การระเบิดครั้งมหึมานั้นเป็นเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
มีผลกว้างขวางมากจนกระทั่งประชาชนที่อยู่ไกลถึงหลายร้อยไมล์ สามารถมองเห็นและได้ยินเสียงการปะทุได้
เพียงชั่วขณะแห่งความพิโรธของธรรมชาติ
ประวัติศาสตร์ของโลกทะเลเมดิเตอร์เรเนียนก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
|
Three Stages of Disaster
|
ภัยพิบัติ 3 ระยะ
|
|||
Stage 1 Warning Signs
Following a series of earthquakes, the
volcano begins to shoot ash into the sky. People
flee the island in fear.
|
ระยะที่ 1 สัญลักษณ์เตือนภัย ภูเขาไฟเริ่มพุ่งเถ้าถ่านไปในท้องฟ้า
ตามด้วยแผ่นดินไหวเป็นชุด ๆ ประชาชนหนีออกจากเกาะด้วยความกลัว
|
|||
Stage 2 Explosion Ash and rock are
flung into the air and sweep down the volcano’s sides, destroying everything in their
path. Cracks through the island rock begin to form from the powerful explosions.
|
ระยะที่ 2 การระเบิด เถ้าถ่านและก้อนหินพุ่งขึ้นสู่อากาศและไหลลงไปด้านข้างภูเขาไฟ
ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างตามเส้นทางที่มันไหลผ่าน เกิดเสียงดังจากก้อนหินของภูเขาจากการระเบิดอันรุนแรงนั้น
|
|||
Stage 3 Collapse The volcano collapses and falls into the sea, creating massive waves. The powerful waves slam into Crete,
flooding coastal areas.
|
ระยะที่ 3 การยุบตัว
ภูเขาไฟจะยุบตัวและสลายไปสู่ทะเลทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่มาก
คลื่นอันรุนแรงนั้นกระแทกเข้าไปสู่เกาะครีต ท่วมบริเวณชายฝั่ง
|
|
||
The ancient island of
Thera is known as Santorini today. The
huge gap on the island’s western side and
the water in the middle are evidence of the explosion
more than 3,500 years ago.
|
|
เกาะธีราโบราณในปัจจุบันเรียกกันว่า ซันโตรีนี ช่องโหว่ขนาดมหึมาบนด้านตะวันตกของเกาะและน้ำที่อยู่ตรงกลาง
เป็นหลักฐานของการระเบิดเมื่อเวลามากกว่า 3,500 ปีที่ผ่านมา
|