Beginnings of Agriculture/เริ่มทำเกษตรกรรม

Beginnings of Agriculture
The First Farmers
After the Middle Stone Age came a period of time that scientists call the Neolithic Era, or New Stone Age. It began as early as 10,000 years ago in Southwest Asia. In other places, this era began much later and lasted much longer than it did there.

During the New Stone Age people learned to polish stones to make tools like saws and drills. People also learned how to make fire. Before, they could only use fire that had been started by natural causes such as lightning.

เริ่มทำเกษตรกรรม
เกษตรกรพวกแรก
            หลังจากยุคหินกลาง ยุคต่อมานักวิทยาศาสตร์เรียกว่า ยุคนีโอลิทิก (Neolithic Era) หรือยุคหินใหม่ เริ่มแรกประมาณ 10,000 ปีที่ผ่านมาในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ในสถานที่อื่น ยุคนี้เริ่มขึ้นช้ามากและดำรงอยู่ยาวนานกว่าเอเชียตะวันตกเฉียงใต้

         
           ในยุคหินใหม่ มนุษย์ได้เรียนรู้การขัดหินทำเป็นเครื่องมือ เช่น เลื่อยและสว่าน และยังเรียนรู้วิธีใช้ไฟได้ด้วย แต่ก่อนมนุษย์อาจจะใช้ไฟที่เกิดขึ้นจากสาเหตุทางธรรมชาติ เช่น ฟ้าแลบ ได้อย่างเดียว

Agriculture

The New Stone Age ended in Egypt and Southwest Asia about 5,000 years ago, when toolmakers began to make tools out of metal. But tools werent the only major change that occurred during the Neolithic Era. In fact, the biggest changes came in how people produced food.

Plants
After a warming trend brought an end to the ice ages, new plants began to grow in some areas. For example, wild barley and wheat plants started to spread throughout Southwest Asia. Over time, people came to depend on these wild plants for food. They began to settle where grains grew.

People soon learned that they could plant seeds themselves to grow their own crops. Historians call the shift from food gathering to food producing the Neolithic Revolution. Most experts believe that this revolution, or change, first occurred in the societies of Southwest Asia.

Eventually, people learned to change plants to make them more useful. They planted only the largest grains or the sweetest fruits. The process of changing plants or animals to make them more useful to humans is called domestication.


The domestication of plants led to the development of agriculture, or farming. For the first time, people could produce their own food. This development changed human society forever.

Animals
Learning to produce food was a major accomplishment for early people. But learning how to use animals for their own purposes was almost equally important.

Hunters didnt have to follow wild herds anymore. Instead, farmers could keep sheep or goats for milk, food, and wool. Farmers could also use large animals like cattle to carry loads or to pull large tools used in farming. Using animals to help with farming greatly improved peoples chances of surviving.       

          ยุคหินใหม่สิ้นสุดในอียิปต์และเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 5,000 ปี่ที่ผ่านมา เมื่อช่างทำเครื่องมือเริ่มทำเครื่องจากโลหะ แต่เครื่องมือไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในยุคหินใหม่เท่านั้น ในความเป็นจริง การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดมาถึงเมื่อมนุษย์รู้จักผลิตอาหาร


พืช
            หลังจากที่มีแนวโน้มจะเกิดความอบอุ่นขึ้นนำไปสู่การสิ้นสุดยุคน้ำแข็ง พืชใหม่ ๆ ก็มีการเริ่มเพาะปลูกในบางพื้นที่ ยกตัวอย่างเช่น ข้าวบาร์เลย์ป่าและพืชจำพวกข้าวสาลีเริ่มแพร่กระจายไปทั่วเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อเวลาผ่านไปมนุษย์ก็พึ่งพาอาศัยพืชป่าเหล่านี้เป็นอาหาร จึงเริ่มตั้งหลักแหล่ง ณ สถานที่ที่ปลูกข้าว

            ในไม่ช้ามนุษย์ก็เรียนรู้ว่า ควรจะเพาะเมล็ดข้าวไว้ปลูกด้วยตนเอง นักประวัติศาสตร์เรียกการเปลี่ยนแปลงจากการหาอาหารจนถึงการผลิตอาหารว่า การปฏิวัติยุคหินใหม่ ผู้เชี่ยวชาญส่วนมากเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในสังคมของชาวเอเชียตะวันตกเฉียงใต้

  
         ในที่สุด มนุษย์ก็เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงพืชโดยทำให้เกิดประโยชน์มากขึ้น จึงได้เพาะปลูกข้าวเมล็ดใหญ่ที่สุดหรือผลไม้ที่มีรสหวานที่สุดเพียงอย่างเดียว ขบวนการเปลี่ยนแปลงพืชหรือสัตว์โดยทำให้เกิดประโยชน์แก่มนุษย์มากขึ้น เรียกว่า การเก็บมาปลูกหรือการเลี้ยง (domestication)


          การเก็บพืชมาปลูกได้นำไปสู่การพัฒนาเกษตรกรรมหรือการเกษตร เป็นครั้งแรกที่มนุษย์สามารถผลิตอาหารได้ด้วยตนเอง วิวัฒนาการครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงสังคมมนุษย์ชั่วกาลนาน

สัตว์
            การเรียนรู้ในการผลิตอาหารเป็นความสำเร็จชิ้นสำคัญของมนุษย์ยุคแรก แต่การเรียนรู้วิธีนำสัตว์มาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ของตนเองเป็นความสำคัญเกือบจะเท่าเทียมกัน

          เหล่านักล่าไม่ต้องติดตามฝูงสัตว์ป่าอีกต่อไป เกษตรกรสามารถเลี้ยงแกะหรือแพะเพื่อเอาน้ำนม อาหาร และขน และยังสามารถใช้สัตว์ขนาดใหญ่ เช่น วัวควาย บรรทุกของหรือลากเครื่องมือขนาดใหญ่ใช้ในการทำเกษตรกรรมได้ด้วย  การใช้สัตว์ช่วยในการทำเกษตรกรรมทำให้โอกาสในการดำรงชีพของมนุษย์ให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก
ซาทาล ฮือยึค

Farming Changes Societies
The Neolithic Revolution brought huge changes to peoples lives. With survival more certain, people could focus on activities other than finding food.


Domestication of plants and animals enabled people to use plant fibers to make cloth. The domestication of animals made it possible to use wool from goats and sheep and skins from horses for clothes.

People also began to build permanent settlements. As they started raising crops and animals, they needed to stay in one place. Then, once people were able to control their own food production, the worlds population grew. In some areas farming communities developed into towns.

As populations grew, groups of people gathered to perform religious ceremonies. Some put up megaliths. Megaliths are huge stones used as monuments or as the sites for religious gatherings.

Early people probably believed in gods and goddesses associated with the four elementsair, water, fire, and earthor with animals. For example, one European group honored a thunder god, while another group worshipped bulls. Some scholars also believe that prehistoric peoples also prayed to their ancestors. People in some societies today still hold many of these same beliefs.


เกษตรกรรมเปลี่ยนแปลงสังคม
            การเปลี่ยนแปลงในยุคหินใหม่นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่การดำรงชีวิตของมนุษย์ครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อชีวิตอยู่รอดปลอดภัยได้อย่างแน่นอน มนุษย์ก็สามารถมุ่งทำกิจกรรมอื่น ๆ มากกว่าที่จะไปค้นหาอาหาร


           การเก็บพืชมาปลูกและนำสัตว์มาเลี้ยงดูทำให้มนุษย์ใช้ใยพืชทำเครื่องนุ่งห่ม การนำสัตว์มาเลี้ยง ก็ได้ใช้ขนแพะ ขนแกะและหนังม้ามาทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม


           มนุษย์ก็ได้เริ่มตั้งหลักแหล่งอย่างถาวรอีกด้วย ในขณะที่มนุษย์ให้ความสำคัญกับพืชพันธุ์ธัญญาหารและสัตว์ จึงจำเป็นต้องอยู่ในสถานที่แน่นอน นอกจากนี้ เมื่อมนุษย์สามารถควบคุมการผลิตอาหารได้ด้วยตนเอง ประชากรของโลกก็เพิ่มขึ้น ในบางพื้นที่ ชุมชนเกษตรกรรม ได้พัฒนาขึ้นเป็นเมือง

           เมื่อประชากรเพิ่มขึ้น กลุ่มชนก็มารวมกันปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา บางชุมชนก็จัดตั้งเมกาลิธ  เมกาลิธ คือหินขนาดใหญ่มหึมาใช้เป็นอนุสาวรีย์หรือเป็นสถานที่มาประชุมกันในทางศาสนา

            มนุษย์ยุคแรกค่อนข้างมีความเชื่อในเทพเจ้าและเทพธิดาที่รวมกันเป็นธาตุ 4 คือ ลม น้ำ ไฟ และดิน หรือสัตว์เป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น ชุมชนชาวยุโรปยกย่องเทพเจ้าแห่งสายฟ้า ในขณะที่ชุมชนอื่น ๆ นับถือบูชาวัวตัวผู้ นักวิชาการบางพวกยังมีความเชื่อว่า มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ยังสวดอ้อนวอนบรรพบุรุษของตนด้วย ในปัจจุบัน มนุษย์ในบางสังคมยังคงยึดถือความเชื่อที่คล้ายคลึงกันแบบนี้เป็นจำนวนมาก